Kia Soul EV 2017 ใหม่ นั้นจะมีหน้าตาไม่ต่างไปจาก Kia Soul ขุมพลังเบนซิน 2.0 ลิตร รุ่นปรับโฉมซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2015 แต่จะมีรายละเอียดแตกต่างไปเล็กน้อย เช่น กระจังหน้าที่ซ่อนช่องชาร์จไฟด้วยฝาเลื่อนเปิด-ปิดได้ ช่องดักอากาศใต้กันชนหน้าหดแคบลง ล้ออัลลอยลาย 5 ก้าน ออกแบบให้ทึบกว่าปกติเพื่อให้ต้านลมน้อยที่สุด รวมไปถึงไฟท้ายใหม่ที่มีดีเทลภายในต่างจาก Kia Soul 2.0 นอกเหนือจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก
ส่วนภายในของ Kia Soul EV 2017 ใหม่ จะไม่ต่างไปจาก Kia Soul 2.0 เครื่องยนต์เบนซิน ยกเว้นมาตรวัดแบบ OLED ขนาด 3.5 นิ้ว ที่ใช้แสดงข้อมูลที่จำเป็น เช่น ความเร็ว ระยะทางที่เหลือ การทำงานของระบบ เป็นต้น นอกนั้นภาพรวมห้องโดยสาร Kia Soul EV 2017 ใหม่ ก็ไม่ต่างจากรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินปกติ แม้จะมีแพ็กแบตเตอรี่แย่งเนื้อที่ใต้พื้นรถไปแต่ก็ไม่มาก และ Kia Soul EV 2017 ใหม่ ยังคงกว้างขวางพอสำหรับผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ 4-5 คน (5 คนก็เบียดหน่อย) หรือหากต้องการเนื้อที่สำหรับสำภาระ ก็สามารถแยกพับเบาะหลังลงได้ในอัตราส่วน 60 : 40 เหมือนเช่นเคย
สำหรับจุดที่เป็นไฮไลท์สำคัญของ Kia Soul EV 2017 ใหม่ แน่นอนว่าอยู่ที่ขุมพลังไฟฟ้าล้วน แทนเครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่วางอยู่ระหว่างเพลาหน้า เพื่อขับเคลื่อนสองล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า และแรงบิด 285 นิวตันเมตร (Instant Torque) ส่วนแบตเตอรี่ที่ใช้เป็นแบบ Lithium-ion polymer ขนาดความจุ 80 แอมป์-ชั่วโมง ที่ให้พลังงานไฟฟ้า 30 กิโลวัตต์-ชั่วโมง และกำลังไฟฟ้า 90 กิโลวัตต์ โดย Kia Soul EV 2017 ใหม่ ที่จะจำหน่ายในไทยนั้น สามารถวิ่งได้ไกลถึง 250 กม./ชม. ต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง (เป็นตัวเลขที่ เกียร์ มอเตอร์ ประเทศไทย แจ้งไว้โดยไม่ได้ระบุมาตรฐานในการทดสอบมาให้ด้วย) ซึ่งในชีวิตจริงแล้วอาจทำได้ต่ำกว่านั้น แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันในเมือง
ทั้งนี้ถ้าคาดหวังให้ Kia Soul EV 2017 ใหม่ หรือรถ EV อื่น ๆ ทำหน้าที่แทนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปได้เลยในไทยคงต้องใช้เวลา เพราะมีข้อจำกัดไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเท่านั้นที่ไม่อำนวย (ราคาสูง) แต่ระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่างสถานีชาร์จไฟก็ยังไม่พร้อมนัก เราจึงมองว่า Kia Soul EV 2017 ใหม่ จะเป็นเหมือนกับ Gadget สำหรับคนที่อยากลองเทคโนโลยีใหม่โดยไม่ต้องสนกับตัวแปรอื่นมากนัก (ถ้าคิดมากจะไม่ซื้อ) แต่ดีแน่นอนในเรื่องของมลพิษที่ปล่อยจากรถยนต์ (และต้องไม่นับมลพิษที่ปล่อยจากโรงงานผลิตไฟฟ้าถ่านหินด้วย)
ภาพจาก Kia