สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวอย่างน้อยแนวคิดนี้ก็ดีต่อ Toyota และ Mazda ซึ่งกำลังหวานชื่นและเข้าขากันได้ดีมาก ๆ เพราะล่าสุดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2560 ทั้งคู่ได้ลงนามทำข้อตกลงร่วมกัน โดยจะเป็นการสานต่อความร่วมมือของทั้งคู่ออกไปอีกหลังจากที่เริ่มคบหาดูใจในฐานะพาร์ทเนอร์กันมาตั้งแต่ปี 2015 จนทำให้โลกได้เห็น Toyota Yaris iA (4 ประตู ซีดาน) ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้าย Mazda 2 วางจำหน่ายในอเมริกาเหนือไปก่อนแล้ว แต่ความสัมพันธ์ครั้งใหม่นี้จะยิ่งแน่นแฟ้นและดูดดื่มไปอีกขั้น
ข้อตกลงใหม่ระหว่าง Toyota และ Mazda ในครั้งนี้จะถึงขั้นสร้างเรือนหอ...เอ้ย โรงงานใหม่ร่วมกันในรัฐมิสซิสซิปปี สหรัฐอเมริกา ด้วยเงินลงทุนประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 5 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ Toyota มีโรงงานผลิตรถยนต์ของตนเองที่นี่อยู่แล้ว ซึ่งก็คือ Toyota Motor Manufacturing Mississippi (TMMMS) ทั้งนี้โรงงานใหม่คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2021 และมีกำลังผลิตสูงถึง 300,000 คันต่อปี เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน สำหรับโรงงานใหม่ของทั้งคู่นั้น Mazda จะเตรียมไว้ผลิตรถครอสโอเวอร์ ส่วน Toyota วางแผนไว้เป็นฐานผลิต Toyota Corolla สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ ส่วนโรงงานใหม่อีกแห่งของ Toyota ที่รัฐกวานาฮาโต เม็กซิโก ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง Toyota จะเปลี่ยนแผนไปใช้ผลิต Toyota Tacoma แทน Corolla
ส่วนข้อตกลงที่สองนั้นน่าสนใจเพราะอาจเกี่ยวข้องกับเราโดยตรง ซึ่ง Toyota และ Mazda จะร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดย Toyota จะแชร์เทคโนโลยี Plug-in Hybrid รวมถึงเทคโนโลยีรังเชื้อเพลิง (Hydrogen fuel cell) ให้กับ Mazda ส่วน Mazda ก็จะยื่นหมูยื่นแมวเทคโนโลยีเครื่องยนต์ SKYACTIV ให้กับ Toyota กันสองต่อสอง เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อรองรับการความต้องการของตลาดโลกที่กำลังขยายตัวและมีการแข่งขันสูงขึ้น โดยการรวมหัวและร่วมมือดังกล่าวจะทำให้ทั้งสององค์กรมีความคล่องตัวและตามเทรนด์ได้ทันไม่ต้องเสียเวลาต่างคนต่างทำ ซึ่งหมายความว่าจะขยับตัวตามความต้องการของผู้บริโภคและปัจจัยรอบตัวอื่น ๆ ได้เร็วขึ้น
ข้อตกลงที่สามและสี่ ทั้ง Toyota และ Mazda จะร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและการสื่อสารสำหรับรถยนต์ (connected technology) หรือ Connected Car ที่สามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างรถยนต์และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ (vehicle-to-vehicle หรือ V2V และ vehicle-to-infrastructure หรือ V2I) ไปจนถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงป้องกัน (advanced safety technologies)
และข้อตกลงสุดท้ายคือการแลกเปลี่ยนสินค้ากันอย่างมุ้งมิ้งเพื่อจำหน่ายในแต่ละภูมิภาคโดยไม่ทับไลน์กัน ซึ่งอย่างที่เกริ่นไปข้างต้นแล้วว่าตอนนี้ Mazda ได้ส่งมอบ Mazda 2 ให้กับ Toyota เพื่อนำไปติดตรา Toyota Yaris iA จำหน่ายในอเมริกาเหนือ (ไม่มี Toyota Vios แบบไทย) ก่อนแล้ว ส่วน Toyota ก็จะซัพพอร์ตรถเชิงพาณิชย์ทรงสองกล่องขนาดคอมแพกต์ให้กับ Mazda ไปจำหน่ายในญี่ปุ่น (อาจหมายถึง Toyota Succeed ไปให้ Mazda ติดตราเพื่อจำหน่ายแทน Mazda Familia Van)
ทั้งนี้จากข้อตกลงดังกล่าวส่งผลให้ Toyota ได้เข้าถือหุ้นของ Mazda ในสัดส่วน 5.05 เปอร์เซ็นต์ และ Mazda จะถือหุ้นใน Toyota สัดส่วน 0.25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรวมแล้วเป็นมูลค่า 5 หมื่นล้านเยน หรือราว 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนทั้ง Toyota และ Mazda จะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนก็ต้องรอชมกันต่อไป
ภาพจาก Toyota และ Mazda
