x close

3 อเมริกันมัสเซิลคาร์บ้าพลัง เสน่ห์นั้นวัดกันตรงความโหด ในราคาที่คบหาได้

อเมริกันมัสเซิลคาร์

          3 มัสเซิลคาร์บ้าพลังชื่อเสียงเป็นอมตะ Ford Mustang Shelby GT350 ปี 2017, Chevrolet Camaro ZL1 ปี 2017 และ Dodge Challenger SRT Hellcat ปี 2017 กับเสน่ห์ที่ทำให้คนอเมริกันหลงใหล แท้จริงแล้วไม่ใช่ความสวยแต่เป็นความแรงแบบไม่ธรรมดาด้วยราคาที่จับต้องได้ (ในต่างประเทศนะ)
          ถ้าบอกว่าอเมริกันมัสเซิลคาร์ในอดีตไม่ใช่รถสปอร์ตจะเชื่อไหม เพราะจุดเริ่มต้นของมัสเซิลคาร์แท้จริงแล้วไม่ได้ต้องการความสวย ไม่ต้องการความกระชุ่มกระชวย หรือความคล่องตัวจากการขับขี่ แต่สิ่งเดียวที่ลูกค้าอเมริกันมัสเซิลคาร์ต้องการคือความแรงจากเครื่องยนต์บิ๊กบล็อกในรถ 2 ประตู ทรง Coupe ธรรมดา ซึ่งไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้เป็นรถสปอร์ตตั้งแต่แรก (แบบนั้นแพง) และส่วนมากใช้แพลตฟอร์มร่วมกับรถ 4 ประตู ถึงรูปทรงจะเทอะทะไม่สปอร์ตก็ไม่แคร์

          ทั้งหมดนี้เลยกลายเป็นเสน่ห์ของอเมริกันมัสเซิลคาร์ ซึ่งปัจจุบันแม้นิยามจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัยรวมถึงรสนิยมของผู้บริโภค เช่น สปอร์ตขึ้น สวยขึ้น แต่ก็ยังต้องเป็นรถที่ "บ้าพลัง" รวมถึง "ราคาพอประมาณ" ไม่เปลี่ยนแปลง โดยผู้ผลิตรถยนต์อเมริกัน 3 เครือใหญ่ ทั้ง Ford, GM และ Chrysler ต่างมีรถเหล่านี้ไว้ให้เลือกครบ คันไหนจะแซ่บโดนใจกว่ากันเราคัดเวอร์ชั่นโหดสุดมาให้แล้วแต่ต้องเลือกทีมกันเอาเอง

          Ford Mustang Shelby GT350R ปี 2017 ราคา 64,545 ดอลลาร์ (2.2 ล้านบาท)

อเมริกันมัสเซิลคาร์

อเมริกันมัสเซิลคาร์

อเมริกันมัสเซิลคาร์

          Ford Mustang Shelby GT350R จัดว่าเป็นเวอร์ชั่นโหดและแพงสุดของ Ford Mustang 2017 ซึ่งมาพร้อมกับการตกแต่งเข้มข้นกว่าปกติ อย่างชุดกันชนหน้า-หลังที่โหดเหี้ยมกว่า พร้อมปลายท่อไอเสีย 4 ท่อ, ฝากระโปรงหน้าแบบมีช่องระบายอากาศ สปอยเลอร์บนฝากระโปรงท้ายคาร์บอนไฟเบอร์ และล้ออัลลอยลายพิเศษสำหรับ GT350R ขนาด 19 นิ้ว พร้อมกับยางหน้ากว้างกว่า Ford Mustang Shelby GT350 ปี 2017

อเมริกันมัสเซิลคาร์

อเมริกันมัสเซิลคาร์

          ภายในไม่แตกต่างจาก Ford Mustang 2017 รุ่นปกตินัก แต่ติดตั้งเบาะแบบสปอร์ตของ RECARO®  หุ้มผ้า/วัสดุสังเคราะห์คล้ายหนังกลับ (Cloth/Miko Suede) พวงมาลัยหุ้มหนัง/วัสดุสังเคราะห์อัลคันทารา (Leather/Alcantara®), แผงประตูหุ้มวัสดุสังเคราะห์  Miko® Suede เป็นต้น

อเมริกันมัสเซิลคาร์

          ส่วนขุมพลังใต้ฝากระโปรงของ Ford Mustang Shelby GT350R ปี 2017 นั้น ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ขนาดความจุ 5.2 ลิตร DOHC Ti-VCT จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 526 แรงม้า และแรงบิด 580 นิวตันเมตร ระบบกันสะเทือนเป็นแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ มีแดมเปอร์แบบ Active ชื่อเฉพาะว่า  MagneRide Suspension พัฒนาโดย Delphi Automotive ส่วนระบบเบรกใช้ของ Brembo

          อย่างไรก็ตาม Ford Mustang GT350R ปี 2017 ก็เป็นมัสเซิลคาร์ที่มีพละกำลังน้อยสุดในกลุ่ม (แต่ขับดีกว่าหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้) ส่วนราคานั้นไม่ถูกเมื่อเทียบกับมัสเซิลคาร์คันอื่นหากนับจากจำนวนแรงม้าที่ได้ แต่ถูกกว่า BMW M4 ปี 2017 ที่มีกำลังสูงสุดเพียง 425 แรงม้า ที่ราคานั้นเริ่มต้น 67,700 ดอลลาร์ (2.3 ล้านบาท) อยู่ดี

          Chevrolet Camaro ZL1 ปี 2017 ราคา 63,435 ดอลลาร์ (2.15 ล้านบาท)

อเมริกันมัสเซิลคาร์

อเมริกันมัสเซิลคาร์

อเมริกันมัสเซิลคาร์

          มันก็จะคล้าย ๆ ได้ขับ Bumblebee จากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Transformer 5 ซึ่งการตกแต่งภายนอกก็ให้อารมณ์เดียวกัน ด้วยชุดกันชนหน้าใหม่ที่มีช่องดักอากาศใหญ่สะใจกรุลายตาข่ายตาห่าง ๆ ประมาณว่าสามารถดูดกลืนทุกอย่างที่ขวางหน้าเข้าไปได้หมด และบนฝากระโปรงพ่นสีดำไว้ให้แตกต่างจาก Chevrolet Camaro ปี 2017 รุ่นปกติ สเกิร์ตรอบคันตกแต่งด้วยสีดำ ปลายท่อไอเสีย 4 ท่อ พร้อมกับยัดล้อฟอร์จอะลูมิเนียมสีดำ ดาร์ก กราไฟต์ ขนาด 20 นิ้ว มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดรถ

อเมริกันมัสเซิลคาร์

อเมริกันมัสเซิลคาร์

          ภายในห้องโดยสารของ Chevrolet Camaro ZL1 ปี 2017 นั้นก็จะติดตั้งเบาะแบบสปอร์ตดีไซน์เฉพาะของ RECARO® เช่นกัน ซึ่งหุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์อย่าง Microfiber และ sueded เย็บตะเข็บด้วยด้ายสีแดง พวงมาลัยแบบปาดเรียบด้านล่าง แผงหน้าปัดตกแต่งด้วยแถบคาร์บอนไฟเบอร์มาให้เลยตามสไตล์รถแรง

อเมริกันมัสเซิลคาร์

          สำหรับทางด้านขุมพลังนั้น Chevrolet Camaro ZL1 ปี 2017 ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาดความจุ 6.2 ลิตร พ่วงซูเปอร์ชาร์จ ปั่นม้าอเมริกันได้จำนวน 650 ตัว และมีแรงบิดสูงสุดที่ 880 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด แบบ short-throw พร้อม Active Rev Matching หรือถ้ารักสบายก็มีเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อม Paddle-shift ให้ตบเล่นได้ด้วย

          โดย Chevrolet Camaro ZL1 ปี 2017 สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาต่ำกว่า 4 วินาที แบบที่ซูเปอร์คาร์ต้องคอยมองกระจกมองหลังอยู่บ่อย ๆ ส่วนระบบกันสะเทือนเป็นแบบ Active ใช้ชื่อเฉพาะว่า Magnetic Ride Control™ ซึ่งสามารถคำนวณได้ทันทีว่าควรจะปรับให้แดมเปอร์แข็งขึ้นเมื่อถูกอัดอยู่ในโค้งโหด ๆ เพื่อลดอาการโคลงของตัวรถ ขณะที่เบรกใช้ของ Brembo เช่นกัน

          Dodge Challenger SRT Hellcat ปี 2017 ราคา 65,290 ดอลลาร์ (2.2 ล้านบาท)

อเมริกันมัสเซิลคาร์

อเมริกันมัสเซิลคาร์

          จริง ๆ แล้ว Dodge Challenger ปี 2017 มีเวอร์ชั่นที่แรงกว่า SRT Hellcat ด้วยอย่าง SRT Demon (แต่ละชื่อโหดสะใจดีจริง ๆ) แต่ราคาเริ่มต้นที่ 84,995 ดอลลาร์ (2.9 ล้านบาท) จะเกินหน้าคู่เปรียบเทียบไปหน่อยและเหมือนว่าจะผลิตแบบจำกัดจำนวน

          แต่ถึงอย่างไรก็ตามแค่ Dodge Challenger SRT Hellcat ปี 2017 ก็เป็นอเมริกันมัสเซิลคาร์จากเครือ Chrysler ที่ทรงพลังกว่าคู่แข่งอยู่ดี ด้วยพละกำลังสูงสุดถึง 707 แรงม้า และแรงบิด 880 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์ HEMI® V8 ขนาด 6.2 ลิตร ติดซูเปอร์ชาร์จ โดยมีเกียร์ให้เลือกทั้งแบบอัตโนมัติ 8 สปีด TorqueFlite® พร้อม Paddle-shift และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด TREMEC® ขณะที่ระบบกันสะเทือนเป็นแบบอิสระ 4 ล้อ (ไม่เป็นแบบ Active ด้วย โหดดิบเป็นที่สุด) ส่วนเบรกใช้ของ Brembo เหมือนกัน

อเมริกันมัสเซิลคาร์

อเมริกันมัสเซิลคาร์

          สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกต้องบอกว่า Dodge Challenger SRT Hellcat ปี 2017 ยังรักษาเอกลักษณ์ความเป็นอเมริกันมัสเซิลคาร์ดั้งเดิมไว้มากที่สุด คือมันก็จะเทอะทะดูไม่สปอร์ตเพรียวบางแต่มีเสน่ห์ตรงความดิบนี่แหละ ขณะที่ภายในเรียบง่ายสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2+3 ที่นั่ง แบบรถ 2 ประตู Coupe ขนาดใหญ่ที่ไม่จำเป็นต้องสปอร์ตจ๋า (แต่แรงเยอะ) ตามแบบฉบับดั้งเดิมของอเมริกันมัสเซิลคาร์

อเมริกันมัสเซิลคาร์

          ทั้งนี้หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าอเมริกันมัสเซิลคาร์มักนิยมเครื่องยนต์ V8 และไม่ค่อยใช้เครื่อง V12 แบบรถแรงทางฝั่งอิตาลีหรือเยอรมนีมาตั้งแต่อดีต เหตุผลก็เพราะเครื่องยนต์ V8 นั้นเหมาะสมในแง่ของพละกำลังที่ "ขุนได้" โดยไม่เปลืองต้นทุนการผลิตมาก ไม่ใช่เพราะคิดไม่ได้หรือทำไม่เป็น แต่ง่ายดีและลงตัวสุดแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้นรถอเมริกันมีแทบทุกอย่างก่อนรถชาติอื่น แต่ลักษณะจะเหมือนกับลูกคนรวยที่มีของเล่นเจ๋ง ๆ ก่อนใคร พอเล่นเบื่อแล้วก็เลิกเห่อ ไม่ค่อยเห็นค่า (ก็รวยไง)

อเมริกันมัสเซิลคาร์

          เอาง่าย ๆ ว่ารถหรู Duesenberg ของอเมริกันมีเครื่อง V16 สูบ ใช้มาตั้งแต่ช่วงต้นปี 1930 ส่วนรถเปิดประทุนหลังคาแข็งพับได้ที่รถเยอรมนีเพิ่งจะมาเริ่มนิยมในยุคหลังนั้นรถอเมริกันมีมาเป็นชาติ (เป็นชาติจริง ๆ ไม่ได้ประชด อย่าง Ford Fairlane Retractable Hardtop ยุค 50) หรือไฟเลี้ยววิ่งได้ไล่สเต็ปดูวิบวับแบบ Toyota C-HR 2017 รถอเมริกันรุ่นปู่เขาไม่ตื่นเต้นกัน แถมอาจจะถูกเบะปากมองบนใส่ให้อีกเพราะมีมาก่อนทั้งนั้น ที่ว่ามาเป็นรถที่ผลิตจำหน่ายจริงด้วยไม่ใช่รถแนวคิด และมีอย่างอื่นอีกเยอะแยะมากมายที่อเมริกันทำก่อนมีก่อนแล้วตอนนี้เลิกเห่อไปเรียบร้อย

          ทั้งหมดนี้ก็คือ 3 อเมริกันมัสเซิลคาร์แห่งยุคปัจจุบันที่ยังกลับมาแซ่บได้อีกครั้ง ซึ่งน่าจะพีคสุดแล้วในตอนนี้ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวคือ "บ้าพลังแต่ตังค์ในกระเป๋ายังเหลือ" โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรถสปอร์ตอเมริกันพันธุ์แท้ เช่น Chevrolet Corvette, Dodge Viper และ Ford GT หรือรถแรงสายโหดจากชาติอื่นที่มีพละกำลังพอ ๆ กัน ส่วนความสวยหรือสปอร์ตนั้นเป็นเรื่องรอง

ภาพจาก Ford, Chevrolet และ Dodge

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
3 อเมริกันมัสเซิลคาร์บ้าพลัง เสน่ห์นั้นวัดกันตรงความโหด ในราคาที่คบหาได้ อัปเดตล่าสุด 5 พฤษภาคม 2561 เวลา 13:27:16 49,814 อ่าน
TOP