รวม 12 เคคาร์ทรงกล่องรุ่นล่าสุดที่มีจำหน่ายในญี่ปุ่นซึ่งไม่ได้มีแค่เฉพาะความน่ารักอย่างเดียวเท่านั้นแต่มาพร้อมคุณสมบัติรอบตัวและมีความสำคัญแบบ "Size does matter" ด้วยราคาเบา ๆ เพียง 1-2 ล้านเยน เท่านั้น
ใครบอก "ขนาดไม่สำคัญ" แต่เราเชื่อว่ามัน "สำคัญมาก" โดยเฉพาะกับรถยนต์เพราะมีผลต่อจิตใจไปจนถึงความมั่นคงระดับประเทศ อย่างคนอเมริกันที่ชอบของใหญ่ (ยังหมายถึงเรื่องของรถอยู่) นั่นไม่ใช่แค่ทรัพยากรและสภาพภูมิประเทศอำนวยเท่านั้น แต่กลับส่งผลด้านความรู้สึกมากกว่าโดยเฉพาะในฐานะผู้ชนะสงครามโลก เครื่องบินรบเลยกลายเป็นส่วนปลูกฝังความเชื่อว่าขนาด "ยิ่งใหญ่ยิ่งดี" (หากใครเคยนั่งรถอเมริกันยุคก่อนหรือสังเกตดี ๆ จะพบว่าจุดประสงค์ของความใหญ่นั้นไม่ได้เพื่อพื้นที่ภายในเป็นหลักเท่านั้นและมันแคบกว่าที่คิด) รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์ก็มักเอาชื่อเครื่องบินรบมาตั้งเป็นชื่อรุ่นเพื่อสื่อถึงความสุดยอดให้เห็นอยู่บ่อย ๆ เช่น Mustang, Corvette, Corsair หรือ Hell Cat เป็นต้น
และก่อนที่มันจะเริ่มไม่คิวต์ตามหัวเรื่อง ทางด้านฝั่งญี่ปุ่นซึ่งพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สองทำให้เกิดสภาวะขาดแคลนอย่างหนัก ผู้คนส่วนใหญ่หาซื้อได้เพียงรถมอเตอร์ไซค์ แนวคิด K-Car หรือ Kei Jidosha (Light Car) จึงถือกำเนิดจากจุดนี้ (ช่วงประมาณต้นปี 1950) ในมุมที่ตรงกันข้ามกับอเมริกัน เพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจขนาดเล็กและใช้สำหรับการเดินทางของคนทั่วไป
ทั้งนี้ K-Car ยุคเริ่มต้นใช้เครื่องยนต์ขนาดความจุไม่มาก เพียง 100-150 ซี.ซี. เท่านั้น และค่อย ๆ ขยับเพิ่มจนเป็น 360 ซี.ซี. ซึ่งรถ K-Car คันแรกที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเห็นจะเป็น Subaru 360 และสัญลักษณ์ดาวลูกไก่ของ Subaru แท้จริงแล้วมีความหมายลึกซึ้งทีเดียว มันถูกใช้เพื่อแสดงถึง "ความสามัคคีของคนในชาติ" ไม่ใช่แค่บังเอิญเห็นว่าหมู่ดาวนี้เก๋ดีเลยเอามาทำเป็นโลโก้เฉย ๆ แค่นั้น
K-Car จากค่ายที่โด่งดังในเรื่องรถเล็ก ซึ่งจะออกแนวเท่ ๆ แมน ๆ หน่อย ด้วยรูปทรงเหลี่ยมสันทันสมัยชัดเจนไม่เน้นความเป็นสายแบ๊วมากนัก และเน้นกลุ่มหนุ่มสาวที่ชื่นชอบท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นหลัก มีรุ่นย่อยหลักให้เลือก 3 รุ่นย่อย และยังย่อยต่อด้วยเครื่องยนต์ (เทอร์โบ/ไม่เทอร์โบ), ระบบขับเคลื่อน (2WD/4WD), อุปกรณ์มาตรฐาน ไปจนถึงรูปแบบการตกแต่งมากมายตามสไตล์ญี่ปุ่นที่มีดีเทลยิบย่อยอีกเยอะมาก
2. Daihatsu Move ราคา 1.13-1.74 ล้านเยน
Daihatsu Move จะเป็น K-Car ที่มากับความเรียบง่ายไม่หวือหวามากมายนักใช้สำหรับขับไปทำงาน จ่ายกับข้าว เข้าเมืองแบบแตน ๆ ใส ๆ กันไป นอกจากนี้ในรูปแบบตัวถังเดียวกันยังมีหน้าตาให้เลือก 2 แบบเพื่อล็อกกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ Move และ Move Custom ซึ่งรุ่นที่มีคำว่า Custom ต่อท้ายจะมาในโทนสปอร์ตแมน ๆ มากกว่า โดยทั้ง 2 รุ่น มีช่วงของราคาต่ำกว่า Wake อยู่เล็กน้อย
3. Daihatsu Move Canbus ราคา 1.18-1.66 ล้านเยน
คันนี้น่าจะเป็นหนึ่งในรถกล่องของ Move Series ที่สามารถเข้าไปจอดอยู่ในใจบรรดาสาว ๆ เป็นจำนวนมาก ด้วยหน้าตาที่สดใสดูตะมุตะมิมากที่สุดเมื่อเทียบกับบรรดารถกล่องทรง Tall boy ของ Daihatsu ทั้งหมด นอกจากนี้ยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยสีทูโทน (แบบโมโนโทนก็มี) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแนวพาสเทลเพื่อจับกลุ่มสาว ๆ โดยเฉพาะ มีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบ 2 ล้อ และ 4 ล้อ เหมือนกับ K-Car คันอื่น ๆ
4. Daihatsu Tanto/Subaru Chiffon ราคา 1.22-1.65 ล้านเยน
Daihatsu Tanto เป็น K-Car ยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นที่มาพร้อมกับความเรียบง่ายแต่ใส่ใจในดีเทลและความอเนกประสงค์อย่างเต็มที่ โดยเสา A นั้นออกแบบให้โปร่งมีจุดอับสายตาน้อยที่สุด บานประตูคู่หน้าเปิดได้กว้าง 90 องศา และมีม่านกันแดดติดตั้งในบานประตูหลังที่เป็นแบบสไลด์มาให้พร้อม แต่ถ้าหากคิดว่า Daihatsu Tanto เรียบง่ายและดูสาวเกินไปยังมี Daihatsu Tanto Custom ที่ออกแบบชุดแผงหน้ารถใหม่ให้ดูเท่ แกรนด์และแมนขึ้น ประมาณว่าขับเข้าย่านกินซ่าได้ด้วยความมาดมั่นคล้ายกับ Toyota Alphard ฉบับจิ๋ว รวมถึงช่วงราคาก็ขยับตามไปด้วยอีกพอสมควรแต่ก็ยังไม่เกิน 2 ล้านเยน
คู่แข่งรายสำคัญของ Daihatsu ที่เชี่ยวชาญในเรื่องรถเล็กไม่แพ้กันคงต้องยกให้ Suzuki โดย Suzuki WagonR นี้เป็นโมเดลใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับขุมพลัง Mild Hybrid (ไม่ใช่ Full Hybrid) ส่วนรูปทรงของรถนั้นไม่ถึงกับหวานเจี๊ยบ มีหน้าตาแตกต่างกันให้เลือก 2 แบบ โดย WagonR Hybrid FX จะละมุนกว่าเน้นกลุ่มลูกค้าผู้หญิง และ WagonR Hybrid FZ มาแนวเรียบหรูด้วยไฟหน้าสองชั้นพอที่ผู้ชายจะขับได้อย่างมั่นใจ แต่ถ้ายังคิดว่าสตรองไม่พอก็มี WagonR Stingray ที่ออกแบบด้านหน้าใหม่ให้ขึงขังเพิ่มความวุ่นวายในการตัดสินใจไปอีก
นอกจากนี้ถ้าไม่ชอบตรา Suzuki ยังมี Mazda Flair ที่เป็นคู่แฝดของ WagonR ให้เลือกด้วย โดยทุกอย่างไม่ต่างกัน (ยกเว้นโลโก้) และมีให้เลือกสองหน้าเหมือนกัน แค่ไม่มีเวอร์ชั่นที่เหมือน WagonR Stingray เท่านั้น
Suzuki Spacia คู่แข่งของ Daihatsu Tanto ซึ่งหลาย ๆ อย่างมีความคล้ายกันสูงมาก แต่ Suzuki Spacia มีประตูสไลด์ไฟฟ้ารวมถึงออกแบบให้ขอบชายประตูด้านล่างต่ำมากเป็นพิเศษเพื่อสะดวกในการขึ้น-ลงและเคลื่อนย้ายสัมภาระที่มีน้ำหนักมาก ส่วนอีกหนึ่งความโดดเด่นก็คงเป็นเทคโนโลยี S-ene charge ที่มี ISG (Integrated Starter Generator) และแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดกะทัดรัดเพื่อช่วยลดภาระของเครื่องยนต์แบบปกติที่ต้องรับโหลดจากไดชาร์จและมอเตอร์สตาร์ท ส่งผลให้รถ Suzuki ที่ติดตั้งเทคโนโลยี S-ene charge ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
สำหรับในเรื่องของความยิบย่อยซอยละเอียดเพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายทั้งเพศและวัยนั้น Suzuki Spacia ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ไม่เป็นรองใคร มีให้เลือกตั้งแต่หน้าติ๋ม ๆ ในรุ่น Spacia ถ้าหรูขึ้นมาอีกนิดด้วยกระจังหน้าโครเมียมก็จะเป็น Spacia G Limited ส่วนประเภทหน้าแมน ๆ เตะบอลทั่วไปจะเป็น Spacia Custom และแมน ๆ เตะบอลกว่าต้องจัด Spacia Custom Z ที่มาพร้อมกระจังหน้าโครเมียมชิ้นมโหฬาร และอีกเช่นเคยทางฝั่ง Zoom Zoom อย่าง Mazda ก็ขอนำไปติดตราขายในชื่อ Mazda Flair Wagon ซึ่งลดการซอยรุ่นลงมาเหลือเพียงหน้าตาที่คล้ายกับ Spacia และ Spacia Custom รวม 2 แบบ
สำหรับค่าย Honda ขอเริ่มต้นเบา ๆ ด้วย N-WGN ซึ่งมาในแนวเรียบเท่ไม่อินดี้จ๋าเช่นกัน โดย N-WGN มีให้เลือก 2 แบบ คือ N-WGN และ N-WGN Custom ถึงตรงนี้หลายคนน่าจะเริ่มจับทางได้แล้วว่าเมื่อไรที่พ่วงท้ายด้วยคำว่า Custom มักจะลงเอยด้วยสไตล์การตกแต่งที่สปอร์ตกว่าเพื่อจับกลุ่มผู้ชาย (ผู้หญิงเท่ด้วยก็ได้) และความใส่ใจในรายละเอียดของคนญี่ปุ่นนี่ต้องยกนิ้วให้เลย เพราะไม่ใช่แค่ Honda N-WGN เท่านั้น รถค่ายอื่นก็จะมีรุ่น Welfare (ไม่ใช่ Vellfire ของ Toyota นะ) โดยตัวเบาะออกแบบให้ปรับหมุนได้ สำหรับผู้โดยสารที่อาจไม่ค่อยสะดวกในการเคลื่อนย้ายเป็นทางเลือกด้วยเสมอ...อันนี้ต้องยอมรับว่าน่ารักมาก
เพิ่มดีกรีและความกล่องอีกระดับเพื่อปราบ Daihatsu Tanto ซึ่งรุ่นปี 2018 ใหม่ ก็เห็นว่าจะเปิดตัวอยู่เร็ว ๆ นี้แล้ว และสำหรับโฉมนี้ (โฉมปัจจุบัน) นั้นก็มาพร้อมรุ่นย่อยมากมายจนยากจะสาธยายให้หมด ทั้งเครื่องยนต์ธรรมดา ไม่ธรรมดา (มีเทอร์โบ) อุปกรณ์มาตรฐานและสีสันทั้งโมโนโทน ทูโทน รวมไปถึงสูตรเดิม N-BOX Custom ก็อย่างที่เข้าใจดีไซน์จะต่างกันโดยเฉพาะด้านหน้าที่มีความเป็นชายกว่าราวกับว่าผู้ผลิตทุกค่ายในญี่ปุ่นเขาเตี๊ยมกันไว้แบบนี้ (หรือเปล่า)
9. Honda N-BOX SLASH ราคา 1.32-1.47 ล้านเยน
อันนี้เป็นรถกล่องของ Honda ที่ดูแล้วฮาราจูกุสุดใจทั้งภายใน-ภายนอกจริง ๆ เรียกว่า Honda N-BOX SLASH เกิดมาเพื่อวิถีเด็กแนวโดยเฉพาะคงไม่ผิด โดยดีไซน์จะมีความเรโทรนิด ๆ เส้นสายไม่เป็นเรขาคณิตเสียทีเดียวทำให้ดูแปลกตาน่ามอง นอกจากนี้ยังมีการจับคู่สีตัวถังแบบทูโทนให้เลือกนอกเหนือจากโมโนโทนด้วย ส่วนภายในก็ "เผ็ชชช" ได้ด้วยการตกแต่งที่หลากหลายเอาใจวัยรุ่น มีออปชั่นเครื่องเสียงลำโพง 8 ตัว พร้อมซับวูฟเฟอร์อีก 1 ตัว ไม่ว่าจะสายย่อ สายตื๊ด ก็สามารถพับเบาะแล้วม้วนดิ้นในรถกันไปได้เลย เห็นแล้วอยากโดนสักคันไหมวัยรุ่น อ้อ...โชคดีที่ N-BOX SLASH ไม่มีเวอร์ชั่น Custom
รถกล่องจาก Nissan นี้เป็นแฝดกับแบรนด์ที่เพิ่งเทคโอเว่อร์มาไม่นานอย่าง Mitsubishi ซึ่งเป็นการนำเอา Mitsubishi eK มาแปะโลโก้จำหน่าย โดยทาง Mitsubishi เป็นผู้ผลิต (ตั้งแต่ก่อนเกิดปัญหาเรื่องบิดเบือนผลทดสอบอัตราสิ้นเปลือง) โดยทั้ง Nissan Dayz Roox และ Mitsubishi eK space ก็ถือว่าเป็นคู่แข่งกับ Daihatsu Tanto ด้วยรูปทรงที่คล้าย ๆ กัน โดยฝั่ง Nissan นั้นมีรูปแบบการตกแต่งภายนอกให้เลือกเยอะตั้งแต่เรียบ ๆ ขยับเป็น Highway Star ที่หรูหราและแฟชั่นขึ้น (ตามรุ่นที่ย่อยลงไปอีกที) แต่ถ้าอยากได้แบบแนวหรูคลาสสิกต้องเป็น Bolero และปิดท้ายด้วย Rider ที่แต่งมาพร้อมสำหรับสายแว้นสไตล์ VIP (มันก็จะใกล้ ๆ กับ Custom ของค่ายอื่นแต่แว้นกว่า)
คู่สุดท้ายขอจบแบบเรียบ ๆ ด้วย Nissan Dayz และ Mitsubishi EK wagon ประมาณเดียวกับ Daihatsu Move, Suzuki WagonR และHonda N-WGN ที่ไม่กล่องจ๋า (แต่ก็ยังกล่องแหละ) เสา A ตั้งเกือบตรงแหนวโดยยังมีความลาดเอียงเป็น Mini MPV ปกติให้เห็นบ้าง ส่วนการซอยรุ่นย่อยและการตกแต่งจะเหมือนกับ Nissan Day Roox เลย มีทั้งเรียบ (แบ่งเป็น J,S และ S) หรูทันสมัย (Highway Star แล้วก็ย่อยลงไปอีก) คลาสสิก (Balero) และแนว VIP แว้น ๆ หน่อย (Rider) โดยหน้าตาก็แตกต่างกันไป
Suzuki Lapin คันนี้อาจไม่เข้าข่ายทรง Tall Boy แต่ก็เป็นอีกรุ่นที่สาว ๆ ในไทยคลั่งไคล้และเป็นกระแสจนอยากให้ผู้ผลิตในไทยนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย เลยต้องขอพ่วงด้วยอีกหนึ่ง (เผื่อจะฟลุค) และก็ไม่แปลกหากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิง จะคิดว่าฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เพราะ Suzuki ก็คงตั้งใจอย่างนั้น ตั้งแต่การออกแบบให้รถทรง 5 ประตู Hatchback ดูน่ารักแบบมินิมอล แถมชื่อ Lapin ที่แปลว่ากระต่าย (มาจากภาษาฝรั่งเศสออกเสียงว่า "ลาแปง") ก็ชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายหลักคือเพศใด ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าแค่ไฟหน้าทรงกลมกับทรวดทรงกล่องมน ๆ ธรรมดาจะกระแทกสายตาและโดนใจได้ขนาดนี้ โดยมีสีตัวถังให้เลือกเพียบทั้งทูโทนและโมโนโทน แต่จะหนักไปทางพาสเทล เรียกว่าเป็นเวทมนตร์ของผู้ผลิตรถญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ในส่วนภายในก็ละมุนสุดตั้งแต่การออกแบบและโทนพาสเทลสว่าง ๆ ตัดกับแถบประดับสีอ่อน (มีให้เลือกทั้งลายไม้และพลาสติกที่เล่น Texture ซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) ตัวเบาะนั่งก็มีตั้งแต่เบาะผ้าเรียบ ๆ สีเบจ หรือผ้าอัดลาย (Quilt) สีคาราเมลเป็นตารางข้าวหลามตัด (ที่คล้ายกับลายกระเป๋า Chanel Boy Bag) รวมไปถึงลายสก็อตสีน้ำตาล แต่ถ้าเป็นรุ่น Lapin F Limited ก็จะดูสตรองเป็นสาวมาดเท่ขึ้นด้วยผ้าลายกระสอบสีน้ำตาลเข้ม ส่วนแถบประดับลายไม้ก็เป็นสีโทนเดียวกับเบาะ ทั้งนี้ราคาก็ยังเกาะกลุ่ม K-Car รูปแบบอื่น ๆ ด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็น K-Car ทรงกล่อง (มากบ้างน้อยบ้าง) สไตล์ Tall boy (และ 5 ประตู แฮตช์แบ็กแถมมาอีกหนึ่งเพราะเห็นสาว ๆ กรี๊ดเยอะมากเลยต้องจัดให้) คันจิ๋วที่มีจำหน่ายในญี่ปุ่นล่าสุด แต่นอกเหนือจากนี้ยังมีรูปแบบอื่นเช่น Hatchback 5 ประตู, โรดสเตอร์อย่าง Daihatsu Copen หรือ SUV ทรงกล่องอย่าง Daihatsu Hustler ให้เลือกอีกเพียบ ซึ่งทั้งหมดนี้ยืนยันได้ว่าขนาดนั้นสำคัญมากแค่ไหน และภายใต้ขนาดที่ "เล็ก" นั้นก็ซ่อนความยิ่งใหญ่ไว้เบื้องหลังเสมอ
หมายเหตุ : Toyota กับ Subaru แม้จะมี Toyota Tank (Subaru Justy และ Daihatsu Thor แฝดสาม) ที่เป็นทรงกล่องเหมือนกันแต่เครื่องยนต์และขนาดก็เกินพิกัดที่จะเรียกว่า K-Car ไปจึงไม่มีรวมอยู่ด้วย อีกทั้ง Toyota ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดิ้นรนมี K-Car นักเพราะมี Daihatsu อยู่ในมือแล้ว
ภาพจาก Daihatsu, Suzuki, Honda, Nissan และ Subaru
