กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะผู้ขับขี่หมั่นสังเกตและตรวจสอบอาการผิดปกติของอุปกรณ์ประจำรถอันได้แก่ ยางรถยนต์ เครื่องยนต์ พวงมาลัย เกียร์ คลัตช์ เบรก
พร้อมนำรถไปตรวจสอบสภาพตามระยะทางที่กำหนดจากศูนย์บริการ ช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ประจำรถ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุจากความบกพร่องของอุปกรณ์ดังนี้
- ดอกยางขอบล้อสึกหรอมากกว่าตรงกลาง แสดงว่า เติมลมยางน้อยเกินไป
- ดอกยางสึกหรอข้างใดข้างหนึ่ง แสดงว่า มุมแนวตั้งของยางไม่ตรง
- ดอกยางเป็นบั้ง ๆ แสดงว่า แนวของยางไม่ขนานกับแนวการเคลื่อนตัวของรถ
- ยางหน้าหรือยางหลังสึกเร็วกว่าปกติ แสดงว่า เกิดจากการบรรทุกน้ำหนักมากเกินไป
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ร้อนจัด แม้เป็นการเดินทางในระยะใกล้ ๆ หรือเข็มวัดระดับความร้อนอยู่ที่ตัว H เครื่องยนต์เย็นเกินไป มาตรวัดอุณหภูมิไม่ขึ้นแม้จะขับรถในระยะทางไกล แสดงว่าผิดปรกติ ที่ถูกต้องต้องอยู่ตรงกลางเท่านั้น
พวงมาลัย
บังคับทิศทางได้ยาก โดยเฉพาะขณะเลี้ยวต้องใช้แรงมากกว่าปกติ พวงมาลัยหลวม และมีอาการสั่นขณะขับ หากพวงมาลัยชำรุด จะทำให้อุปกรณ์อื่น ๆ มีปัญหาตามไปด้วย อาทิ ยางเฟืองท้าย
เกียร์
มีเสียงดัง แม้จะอยู่ในเกียร์ว่างหรือเข้าเกียร์ใดเกียร์หนึ่ง ขณะเหยียบคลัตช์แล้วเปลี่ยนเกียร์ยาก ทำงานผิดปกติ มีอาการติดขัดขณะเข้าเกียร์ ใช้เวลาในการเปลี่ยนเกียร์นานกว่าปกติ มีน้ำมันหล่อลื่น ไหลออกมาจากห้องเกียร์ และหากเกียร์ทำงานผิดปกติ จะส่งผลให้รอบเครื่องยนต์ไม่สอดคล้องกับระดับความเร็วของรถ
เบรก
มีเสียงดังขณะเหยียบเบรก เบรกแล้วรถปัดไปข้างใดข้างหนึ่ง หรือเบรกลื่นจนไม่สามารถหยุดรถได้ แป้นเบรกจมลึกลงไปทั้งที่ถอนเท้าออกจากแป้นเบรกแล้ว ระดับความเร็วคงที่เมื่อเหยียบแป้นเบรก โดยเฉพาะหากเบรกมีอาการผิดปกติหรือชำรุด จะไม่สามารถหยุดรถได้ในระยะที่ปลอดภัย
สัญลักษณ์ไฟ
ทั้งนี้ หากสังเกตพบรถมีอาการผิดปกติ ผู้ขับขี่ควรนำรถ เข้าศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถ เพื่อตรวจสอบสภาพรถและหาสาเหตุความผิดปกติของอุปกรณ์ประจำรถ และเครื่องยนต์ พร้อมซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ชำรุดให้ทำงานได้ตามปกติ ไม่ควรฝืนนำรถไปใช้งาน เพราะอาจเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้ครับ