ย้อนไปช่วงปลายเดือนมีนาคมในงานมอเตอร์โชว์ 2016 หนึ่งไฮไลท์ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย คือการเปิดราคาจำหน่ายและนำ Mercedes-Benz E-Class 2016 มาโชว์และให้จอง นับจากนั้นมาประมาณ 4 เดือน วันนี้ Mercedes-Benz E-Class 2016 ก็พร้อมแล้วในโชว์รูมและการส่งมอบรถ และก็ได้นำรถส่วนหนึ่งมาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบ
"The Best" คือคำนิยามที่ถูกพูดถึงข้อมูลเกี่ยวกับ Mercedes-Benz E-Class 2016 ที่ตั้งใจทำมาเพื่อเป็นที่สุด
"The Best" เริ่มแรกด้วยการออกแบบภายนอกที่สวยงามและยังได้ค่าสัมประสิทธิ์ของแรงเสียดทาน (Cd) 0.24 ที่ตัวเลขนี้ปรกติจะอยู่ในรถยนต์ระดับสปอร์ต แต่สำหรับ Mercedes-Benz E-Class 2016 เป็นทรงซีดานและอยู่ในกลุ่มคอมแพกต์คาร์
"The Best" ในทัศนะวิสัยกับ ไฟหน้าอัจฉริยะ Active Multibeam LED ให้ความสว่างตามสถานะการต่าง ๆ ทำงานร่วมกับกล้องด้านหน้า ในชุดไฟมีไฟ LED มากถึง 84 ดวงควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ สั่งเว้นไฟตามที่กล้องจับได้
"The Best" ในการขับขี่ที่คล่องตัว รัศมีวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.82 เมตร (กลับรถ) และใช้พื้นที่หมุนรถ 11.64 เมตร
"The Best" ในความสุนทรีย์ของห้องโดยสาร กับระบบเสียง Hi-End sound system จาก Burmester และการอารมณ์กับแสงในห้องโดยสาร (ambient lighting) ปรับเปลี่ยนได้มากถึง 64 เฉดสี
"The Best" ในอินโฟเทนเมนต์ของรถ หน้าจอตัวใหม่ 12.3 นิ้ว 2 จอเชื่อมกันทั้งจอคอมมานในคอนโซลหน้า และจอคนขับ (เป็นชุดเรือนไมล์ดิจิตอลทั้งหมด) พร้อมระบบทัชแพดสำหรับควบคุมจอทั้ง 2 ฝั่งที่พวงมาลัย
"The Best" ในความสะดวกเรื่องจอดรถ Active Parking Assist ที่ตรวจหาที่จอดให้จากเซ็นเซอร์หน้าหลัง และกล้องจอภาพ ที่ระบบทำให้หมดเปิดไฟเลี้ยวให้ หมุนพวงมาลัย เร่ง-เบรก เข้าเกียร์เดินหน้า-ถอย อัตโนมัติทุกอย่าง และสามารถเอารถออกเองได้ด้วย
นั้นคีย์ฟีเจอร์หลัก ๆ ของรถ Mercedes-Benz E-Class 2016 กับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่เจเนอเรชั่นที่ 10 ของรถยนต์ตระกูล E-Class ทำทุกอย่างสอดรับกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์ ตามหลัก Sensual Purity ของเมอร์เซเดส-เบนซ์
โดยรถยนต์ที่ผู้เขียนได้ขับทดสอบคือรุ่นท็อป Mercedes-Benz E-Class 2016 220 d AMG Dynamic โดยเส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นทางเรียบ ได้ลองทดสอบสมรรถนะของรถในโหมดต่าง ๆ ที่มีให้เลือกถึง 5 แบบ (Dynamic Select) ที่ส่งผลไปการตอบสนองของพวงมาลัย, ช่วงล่างความหนืดของโช้คและการคืนตัว, รอบและกำลังเครื่องยนต์
โหมด Eco เพื่อประหยัดเชื้อเพลิง
โหมด Comfort เพื่อความนุ่มนวล
โหมด Sport สำหรับการขับขี่อย่างปราดเปรียว พร้อมพวงมาลัย Direct Steering
โหลด Sport+ ให้กำลังเต็มที่ เลี้ยงรอบเครื่องยนต์สูง
โหมดใหม่ Individual เป็นครั้งแรกที่มีการเลือกปรับรูปแบบเฉพาะตัวในแต่ละส่วนได้ด้วยตัวเอง
ทำให้การขับในทริปนี้ค่อนข้างรื่นรมย์มากทีเดียว เครื่องยนต์ใหม่ OM654 ดีเซลขนาด 2.0 ลิตรที่ความจุน้อยลงทำให้ประหยัดมากขึ้น รุ่นก่อนหน้านี้ OM651 ให้กำลัง 194 แรงม้า สิ่งที่สำคัญมากของเครื่องยนต์คือความสะอาด 102 กรัมต่อกิโลเมตร เพราะระบบหัวฉีดที่ค่อนข้างแรงถึง 2000 บาร์ มีการกรองไอเสียได้มากขึ้น มีเทอร์โบชาร์จ ประสานกับระบบเกียร์ 9G มีเยอะทำให้รอบเครื่องยนต์ต่ำกว่า (ทดสอบใช้โหมด Comfort) ได้แรงที่สมูทและประหยัด หากทำความเร็วอยู่ที่ 120 กม./ชม. เครื่องยนต์ใช้รอบแค่พันกว่า ๆ เท่านั้น
ในโอกาศช่วงขากลับ สัตหีบเข้ากรุงเทพ ได้ขับอยู่ในโหมด Sport ตลอด เริ่มรีเซตวัดระยะให้เป็น 0 วิ่งจริงระยะทางรวม 174 กม. ในเวลารวม 2 ชม. 57 นาที เพราะขาเข้ากรุงเทพฯ เจอรถติดสลับหยุดนิ่ง ก็ได้ค่าสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 7.1 ลิตร/100 กม. หรือเฉลี่ยแล้วประมาณ 14 กม./ลิตร
ว่าต่อเรื่องการทดสอบ Active Parking Assist ก็ถือว่าทำงานได้ดีเยี่ยม มีข้อแม้เล็กน้อย คือความเร็วรถไม่เกิน 30 กม./ชม. ถึงจะกดฟังก์ชั่นนี้ได้ แต่ระบบจะสแกนเสร็จ รถเลยที่ว่างไปประมาณสองช่วงคันรถ อาจไม่เหามะกับการจอดรถข้างทางสักเท่าไหร่เพราเจอปัญหารถตามจี้ปิดทางเนื่องจากเลยที่จอดพอควร แต่ถ้าเป็นในลานจอดก็คงทำได้ง่ายขึ้น อีกสิ่งหนึ่งที่ขอเตือนการเอารถออกจากซองอัตโนมัติ ต้องควบคุมพวงมาลัยทันทีด้วยเพราะรถจะเร่งแล้วออกตัวอย่างเฉียง ๆ เมื่อพ้นครับ
ส่วนตัวผู้เขียนก็ชื่นชอบความสุนทรีย์ในรถ Mercedes-Benz E-Class 2016 พอสมควร ระบบเสียงถึงจะไม่ใช่หูเทพ แต่ก็เปิดโสดประสาทการฟังเพลงมากทีเดียว รวมกับลองปรับแสงสีในรถก็สวยงามปรับอารมณ์ได้ดี แต่สังเกตเรื่องการแสดงสีถ้าไม่ใช่สีหลักและสีเข้ม ๆ ก็จะสู้แสงหรือไม่สว่างเท่าที่ควร
ระบบจอ 12.3 นิ้วทั้งคอนโซลหน้า และชุดจอดิจิตอลหน้าคนขับก็คมชัดมาก มีความดีงามที่สามารถแสดงแผนที่แบบย่อที่หน้าคนขับ ไม่ต้องเสียสมาธิไปมองข้าง ๆ นอกจากนี้ด้วยความเป็นดิจิตอลก็สามารถเปลี่ยนรูปแบบการแสดงเรือนไมล์ของรถถึง 3 แบบ ที่สวยงามและล้ำมากทีเดียว
แต่ส่วนตัวหลังจากขับมาระยะนึงกลับเจออาการเมื่อยล้าจากนั่งนาน ทั้งที่และช่วงรถติดผู้เขียนก็ปรับเบาะอยู่หลายครั้ง และด้วยการเป็นเบาะนั่งปรับไฟฟ้าที่เลื่อนนิด-เลื่อนหน่อยอย่างละเอียดแต่ก็ไม่สบายตัวอยู่ดี สอบถามคนที่ร่วมโดยสารก็ได้รับคำตอบว่าเมื่อยเช่นกัน จึงขอบอกว่าไม่ปลื้มกับเบาะนั่งสักเท่าไหร่
สรุปส่วนตัวจากผู้เขียน
The Best เป็นนิยามที่บ่งบอกความดีงามของ Mercedes-Benz E-Class 2016 ที่เครื่องยนต์ให้กำลังเหลือ ๆ วิ่ง 160 กม./ชม. ก็ยังนิ่ง ๆ แถมจากการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองดีกว่าอีโคคาร์หลายรุ่นเมื่อวิ่งจริง ฟีลลิ่งการขับขี่เอาจริง ๆ ก็ไม่รู้จะติอะไรคือดีตามาตรฐานเบนซ์
แค่ความสุนทรีย์ในการขับเป็นสิ่งที่หาได้ยากและหาใครเทียบยากจริง ๆ ทั้งระบบนำทางแผนที่คมชัดสวยงาม ดูง่าย การควบคุมแบบทัชแพดที่พวงมาลัยบ่งบอกการคิดเพื่อผู้ขับมาอย่างดี ระบบแสงและเสียงชั้นเลิศ แม้กระทั่งระบบเข้าจอดและออกรถจากซองเอง
สุดท้ายที่คุณจ่ายค่าตัว Mercedes-Benz E-Class 2016 220 d AMG Dynamic ในราคา 4.79 ล้านบาท คุณจะได้ได้แค่ซื้อรถ แต่คุณซื้อความเหนือระดับที่สรรสร้างในทุกส่วนของ Mercedes-Benz E-Class 2016 ครับ
Mercedes-Benz E-Class 2016 มี 2 รุ่นย่อยให้เลือก
E 220 d Exclusive ราคา 3,990,000บาท โปรแกรม mySTAR Special เสนอสิทธิพิเศษอัตราผ่อนชำระต่อเดือนเพียง 36,900 บาท (ต่ำกว่า 1%ของราคารถยนต์)
E 220 d AMG Dynamic ราคา 4,790,000 บาท **รุ่นที่ใช้ทดสอบ
โปรแกรม mySTAR Special เสนอสิทธิพิเศษอัตราผ่อนชำระต่อเดือนเพียง 43,900บาท (ต่ำกว่า 1%ของราคารถยนต์)
ข้อมูลจำเพาะข้อง Mercedes-Benz E-Class 2016
