ถ้า Tesla เป็นไอคอนของรถยนต์ไฟฟ้าทรงล้ำสุดไฮเทคสำหรับการเดินทางส่วนบุคคลแล้วละก็ นิโคลา วัน (Nikola One นีค-โอ-ลา วัน) ก็น่าจะกำลังกลายเป็นไอคอนในเวอร์ชั่นรถไฟฟ้าเพื่อการขนส่งเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่
Nikola One รถหัวลากหน้าตาล้ำสมัยที่มีดีไซน์คล้ายรถไฟหัวกระสุนสุดไฮเทค แม้แต่ภายในก็ยังทันสมัยด้วยจอแสดงผลแบบทัชสกรีนสำหรับอินโฟเทนเมนต์ขนาด 15 นิ้ว ส่วนจอแสดงข้อมูลระบบการทำงานของรถขนาด 10 นิ้ว แทนมาตรวัดแบบอนาล็อกเดิม ๆ นอกจากนี้ Nikola One ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันไม่ว่าจะเป็น ไมโครเวฟ โทรทัศน์ขนาด 42 นิ้ว อินเทอร์เน็ตทั้งแบบ WI-FI และ 4G
แต่ทั้งหมดก็อาจยังไม่ใช่องค์ประกอบที่ทำให้ Nikola One โดดเด่นและน่าสนใจไปกว่ารถหัวลากทั่วไปเพราะหัวใจสำคัญอยู่ตรงที่ขุมพลังเป็นแบบไฟฟ้าล้วน ซึ่งมอเตอร์สร้างกำลังรวมได้มากกว่า 2,000 แรงม้า และแรงบิดกว่า 5,000 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 6 ล้อ จากมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 800 โวลต์
อันที่จริงขุมพลังไฟฟ้าที่ให้กำลังขับเคลื่อนสูงก็ไม่ใช่ของแปลกในยุคนี้ ใคร ๆ ก็ทราบดีว่ามอเตอร์ไฟฟ้าให้แรงบิดสูง แต่ปัญหาคือรถหัวลากที่ใช้เพื่อการขนส่งหากต้องมีระยะทางวิ่งอันจำกัดและต้องหยุดชาร์จไฟเป็นเวลานานมันคงไม่เวิร์ก
แต่ Nikola One ก้าวข้ามข้อจำกัดนี้ด้วยการใช้ Gas Turbine เพื่อชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่แบบลิเธียม ไอออน ขนาด 320 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (ร่วมกับการชาร์จไฟจากการเบรก) จนทำให้ Nikola One วิ่งด้วยพลังไฟฟ้าได้ไกลถึง 1,300-2,000 กม. โดยประมาณ ซึ่งต้องการเชื้อเพลิงแค่ก๊าซธรรมชาติ (CNG-Compress Natural Gas) เท่านั้น
แน่นอนว่า Nikola One จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของเชื้อเพลิงได้ 50% เมื่อเทียบกับรถหัวลากที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล (Class 8 Truck) ในขณะที่มีพละกำลังมากกว่า ปล่อยมลพิษน้อยกว่า วิ่งได้ไกลกว่าต่อการเติมเชื้อเพลิง 1 ครั้งและไม่ต้องแวะชาร์จไฟตลอดการขนส่ง
โดย Nikola One เปิดรับจองเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งมีทั้งแบบเช่าใช้ (Lease) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพียงเดือนละ 5,000 ดอลลาร์ ฟรีค่าเชื้อเพลิง (CNG) และการบำรุงรักษา (สัญญาเช่า 72 เดือน หรือระยะทาง 1.6 ล้านกิโลเมตร เมื่ออย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อนและหลังจากนั้นยังสามารถอัพเกรดรถหัวลากคันใหม่ได้) ส่วนการขายขาดนั้นทาง Nikola ยังไม่ได้เคาะราคาออกมาให้ทราบ
เราคิดว่าคงต้องมีใครสักคนแอบข้ามเวลาไปสู่อนาคตแล้วขับเจ้า Nikola One มาจอดไว้ในโลกปัจจุบันอย่างแน่นอน
ภาพจาก nikolamotor, เฟซบุ๊ก nikolamotor