x close

11 เคล็ดลับ การขับแบบออฟโรด

การขับรถแบบออฟโรด
depositphotos / _CD123

         11 เคล็ดลับ การขับแบบออฟโรด เทคนิคการขับขี่แบบออฟโรด จากหัวหน้าทีมวิศวกรฟอร์ดที่พัฒนารถยนต์ Ford Everest

         การขับขี่ผจญภัยแบบออฟโรด ผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถ และความชำนาญ และเป็นเรื่องที่ผู้ที่ไม่เคยสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบออฟโรดมาก่อนจะรู้สึกกดดัน

         วันนี้เราจึงขอนำความรู้จากหัวหน้าทีมวิศวกร 2 ท่าน ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Ford Everest 2016 จากนายริชาร์ด วูลลี่ หัวหน้าฝ่ายคุณสมบัติยานยนต์แบบบูรณาการ ฟอร์ด เอเชีย แปซิฟิก และ นายนิค แอลเล็น หัวหน้าวิศวกรด้านสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดและการพ่วงรถ ฟอร์ด เอเชีย แปซิฟิก

         เชื่อว่าเทคนิคเหล่านี้จะทำให้คุณมีความพร้อม กล้าออกลุยทางออฟโรดได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นแน่นอน

         เตรียมตัวให้พร้อม

         การขับขี่แบบออฟโรดในรูปแบบต่าง ๆ นั้นนับเป็นความท้าทาย สามารถลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยวางแผนการเดินทางอย่างละเอียด และนำอุปกรณ์ที่จำเป็นพกติดตัวไปด้วยเช่น

         - การเติมน้ำมันให้เต็มถัง
         - เตรียมอุปกรณ์ เชือกสำหรับลากรถ, พลั่ว, ยางสำรองและชุดอุปกรณ์การเปลี่ยนยาง, เครื่องปั๊มลมแบบพกพา, แผนที่, เข็มทิศหรือจีพีเอสนำทาง, โทรศัพท์มือถือหรือโทรศัพท์ดาวเทียมเพื่อใช้ในการติดต่อหากเกิดเหตุจำเป็น

         และถ้าอยากหาประสบการณ์ครั้งแรกแบบปลอดภัยที่สุด ให้ทดลองเดินทางแบบเป็นกลุ่มเพราะจะมีรถคันอื่นที่พร้อมยื่นมือเข้าช่วยเหลือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด

การขับรถแบบออฟโรด

         ทำความคุ้นเคยกับยานพาหนะของคุณ

         การทำความรู้จัก และทำความเข้าใจวิธีการทำงานของรถยนต์ในหลากหลายสถานการณ์นั้นนับเป็นเรื่องที่สำคัญ ควรเรียนรู้การใช้งานต่าง ๆ ทั้งคุณสมบัติและเทคโนโลยีที่เฉพาะเจาะจงซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้ขับขี่เมื่อขับอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบออฟโรด

         ยกตัวอย่างใน  Ford Everest มีโหมดการตั้งค่าแบบอัตราทดต่ำและระบบล็อกเฟืองท้ายแบบ Electronic Locking Rear Differential (LRD) ที่ผู้ขับขี่ควรเรียนรู้วิธีการใช้งานก่อนออกไปตะลุยในสภาพแวดล้อมแบบสมบุกสมบัน

         นอกจากการเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีของรถแล้ว ควรทำความคุ้นเคยกับขนาดของตัวรถและสมรรถนะของรถยนต์ เพราะในบางครั้งอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องขับรถในที่แคบ ลุยน้ำ หรือขับข้ามสิ่งกีดขวาง ในกรณีดังกล่าว คุณจำเป็นต้องทราบขนาดความกว้างความยาวของตัวรถ รวมทั้งความสามารถในการลุยน้ำ ลุยโคลน วิธีการหักเข้า และหักออกจากมุม

         ลดแรงดันของยาง

         อีกหนึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดในการพัฒนาสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรด พร้อมทั้งเพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารตลอดระยะเวลาการเดินทาง ซึ่งมีข้อดีดังนี้

         - พื้นผิวยางสามารถสัมผัสพื้นผิวของถนนได้มากเท่าไหร่ ก็จะช่วยให้รถสามารถกระจายน้ำหนักได้สมดุลมากขึ้น

         - ยางจะสามารถดูดซับแรงกระทบได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยปกป้องล้อและส่วนอื่น ๆ ของยานพาหนะเมื่อขับเคลื่อนบนถนนที่มีพื้นผิวขรุขระ

         - แรงดันของยางที่น้อย จะมอบความรู้สึกของการขับขี่ที่นุ่มนวลและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และลดแรงกระแทกได้ในเวลาเดียวกัน แต่ทั้งนี้การลดแรงดันของยางก็ควรให้เหมาะกับแต่ละสภาพพื้นผิวถนน

         นอกจากนี้เมื่อลดแรงดันยางแล้ว หลีกเลี่ยงการหักเลี้ยวกะทันหันเพราะมีโอกาสที่ยางจะแตกได้ง่ายขึ้น

         เมื่ออกจากทางออฟโรดแล้ว ต้องเติมลมยางกลับไปเหมือนเดิมทุกครั้งเมื่อกลับไปวิ่งบนถนนปกติ  ไม่เช่นนั้นจะกระทบไปถึงอายุการใช้งานของยางและการประหยัดน้ำมันอีกด้วย


การขับรถแบบออฟโรด
depositphotos / Haber_1965

         ใช้ระบบอัตราทดต่ำ หรือใช้เกียร์ต่ำที่สุดที่มีอยู่

         ในทางออฟโรดมักมีอุปสรรคอยู่เสมอ  การขับด้วยระบบอัตราทดต่ำจะช่วยเพิ่มพลังขับเคลื่อนได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าทางขรุขระและเมื่อต้องขับขึ้นหรือลงเนินที่สูงชัน

         ขับรถด้วยความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

         การขับรถเร็ว หมายถึง คุณจะมีเวลาตอบสนองน้อยลงต่อสิ่งรอบข้างที่จะเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ความเร็วจะเพิ่มความเสียหายต่อยานพาหนะมากขึ้นในกรณีที่คุณขับรถข้ามสิ่งกีดขวางหรือเมื่อปะทะกับสิ่งใดก็ตาม

         ในทางกลับกัน การขับรถในอัตราความเร็วต่ำจะช่วยให้ระบบกันกระเทือนรับมือกับแรงกระทบได้ดีกว่า ทำให้การขับขี่นั้นนุ่มนวลและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

         เลือกเส้นทางที่ดีที่สุด

         การเลือกเส้นทางที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดนับเป็นสิ่งสำคัญ และผู้ขับขี่ควรเลือกเส้นทางที่มั่นใจว่าล้อทั้ง 4 ล้อ จะสามารถสัมผัสกับพื้นผิวถนนได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับช่วงล่างของรถ

         หากเส้นทางด้านหน้าค่อนข้างลึกและแคบ รวมทั้งอาจมีสิ่งกีดขวางที่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยรอบ ควรมีผู้ช่วยในขณะเดินทาง เช่น เพื่อนที่สามารถลงจากรถและช่วยบอกทางเพื่อให้ข้ามสิ่งกีดขวางนั้นไปได้

การขับรถแบบออฟโรด

         ขับเคลื่อนผ่านแอ่งน้ำด้วยความระมัดระวัง

         ก่อนที่จะขับรถข้ามแอ่งน้ำใหญ่ ผู้ขับขี่ควรตระหนักถึงประสิทธิภาพในการลุยน้ำของรถยนต์อย่างใน Ford Everest สามารถลุยน้ำได้ลึกถึง 800 มิลลิเมตร ในอัตราความเร็วคงที่ไม่เกิน 7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

         เมื่อจะขับผ่านแอ่งน้ำ ผู้ขับขี่ควรวัดระยะความลึกของน้ำด้วยแท่งไม้หรือเดินรอบ ๆ บริเวณที่ต้องการจะขับผ่าน  ในระหว่างที่คุณประเมินระดับน้ำหรือความสูงของน้ำควรระวังอันตรายต่าง ๆ ในน้ำ เช่น หิน หรือ หลุม เป็นต้น

         เมื่อข้ามทางน้ำผู้ขับขี่ควรขับรถอย่างช้า ๆ ป้องกันการกระเด้งของฝากระโปรงรถ รักษาระดับความเร็วให้คงที่ ไม่ควรหยุดรถในขณะขับผ่านหลุมลึกเพราะอาจทำให้ชิ้นส่วนของรถยนต์จมน้ำได้

         ทำความเข้าใจในเรื่องการขับขี่บนพื้นผิวถนนที่แตกต่างกัน

         พื้นผิวทราย

         ปัจจัยสำคัญในการขับออฟโรดบนพื้นผิวทราย คือ การรักษาสมดุลของตัวรถและรักษาอัตราหมุนของเครื่องยนต์ (RPM) ให้สูงเสมอ หากคุณขับรถช้าหรือไม่ขยับล้อรถ ก็จะเพิ่มความเสี่ยงที่รถจะจมทรายมากขึ้น

         เปลี่ยนเกียร์สูงหรือต่ำให้ช้าลงจะช่วยให้คุณรักษาอัตราการหมุนของเครื่องยนต์ไว้ในระดับสูงได้ ระบบเบรกและระบบป้องกันล้อหมุนฟรี จะปล่อยให้ล้อรถลื่นไถลได้มากขึ้น

         เมื่อจอดรถบนหลุมทรายลึก ควรจะรอให้รถไหลและหยุดเองก่อนที่จะดับเครื่องเพื่อป้องกันล้อไม่ให้จมลงไปในทราย

         หิมะ/ โคลน/ หญ้า

         เมื่อคุณขับรถบนถนนที่มีพื้นผิวลื่น เช่น บนโคลน ก้อนกรวด หญ้าเปียก หรือหิมะ สิ่งสำคัญที่สุด คือ การควบคุมรถ เพื่อป้องกันการลื่นไถล ควรให้เครื่องยนต์รอบต่ำเสมอ

         พื้นหิน
 
         ควรขับขี่ที่โหมดอัตราทดต่ำเท่านั้น  เทคนิคนี้จะช่วยให้คุณขับปีนข้ามหินโดยรถยนต์ไม่ได้รับความเสียหาย และจะช่วยให้การเกาะถนนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การขับรถแบบออฟโรด

         อย่าฝืน คุณสามารถเลี้ยวรถกลับได้เสมอ

         หากยังไม่มั่นใจในเส้นทางที่คุณได้ประเมินความเหมาะสมของพื้นผิวถนนเป็นอย่างดี คุณก็สามารถจะเลือกเส้นทางอื่น หรือหาทางกลับรถได้ทุกเมื่อ  เพราะความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในการผจญภัยแบบออฟโรด

         บอกเพื่อนหรือญาติของคุณ เกี่ยวกับแผนและวันเดินทาง

         สิ่งสำคัญอีกอย่าง คือ เพื่อนและคนในครอบครัวของคุณควรจะได้รับทราบถึงแผนการเดินทางและเส้นทางที่คุณจะขับรถไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณกำลังจะเดินทางไปในพื้นที่ที่ไม่สามารถติดต่อได้หรือในที่ที่มีสัญญาณมือถือน้อย อย่าลืมเช็กกับคนในท้องถิ่น หรือแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ในเรื่องสภาพอากาศทั้งก่อนและระหว่างเดินทาง

          ทำความคุ้นเคยกับข้อกำหนดและกฎหมายของสถานที่ที่คุณจะเดินทางไป

         ก่อนออกเดินทาง คุณควรได้ศึกษาถึงข้อกำหนดและกฎหมายต่าง ๆ รวมทั้งข้อควรระวังเกี่ยวกับประเทศนั้น ๆ โดยเฉพาะสถานที่อย่างอุทยานแห่งชาติ การขับรถแบบออฟโรดผ่านทางทะเลทรายบางแห่ง คุณจำเป็นต้องติดธงที่รถเพื่อให้เพื่อนร่วมผจญภัยแบบออฟโรดคันอื่นในทะเลทรายมองเห็น ซึ่งคุณควรใส่ใจและให้ความสำคัญกับข้อกำหนดเหล่านี้

         จากทั้ง 11 ข้อที่กล่าวมา รับรองว่าจะช่วยให้การขับขี่ออฟโรดของคุณปลอดภัยมากขึ้นแน่นอน และในโลกของทางออฟโรดหลังผ่านพ้นอุปสรรคคุณจะถึงจุดหมายที่ทางธรรมดาไม่มีโอกาสได้เห็นอย่างแน่อนครับ


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
11 เคล็ดลับ การขับแบบออฟโรด อัปเดตล่าสุด 11 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 16:05:29 7,543 อ่าน
TOP