มันคงเป็นอะไรที่เซ็งสุด ๆ ที่อาจเคยเกิดขึ้นกับใครหลายคนเมื่อกำลังจะสตาร์ทรถแล้วปรากฎว่าทุกอย่างกลับเงียบสนิทเพราะแบตเตอรี่หมดเนื่องจากเปิดไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าในรถทิ้งไว้ ซึ่งโปรเจคแบตเตอรี่อัจฉริยะจาก Ohm จะช่วยแก้ปัญหาให้กับคนที่ขี้ลืมได้เป็นอย่างดี
แนวคิดนี้เริ่มต้นจาก Ohm Laboratories ซึ่งเชื่อว่าแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ในปัจจุบันน่าจะได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพและฉลาดมากขึ้นด้วยระบบการจัดการและหน่วยประมวลผลที่คอยวัดปริมาณกระแสไฟในแบตเตอรี่ซึ่งสามารถตัดการจ่ายไฟโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นว่ามันใกล้จะหมดในกรณีเช่น ลืมปิดไฟหน้ารถ เปิดไฟในห้องโดยสารทิ้งไว้
เป็นต้น เพื่อให้มีกระแสไฟไว้สำหรับสตาร์ทเครื่องยนต์และกลับมาชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้อีกครั้ง
นอกจากนนี้ยังมีระบบการแจ้งเตือนด้วยเสียง "ปี๊บ" ให้ผู้ขับขี่ได้ทราบว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่แล้วซึ่งทาง Ohm กล่าวว่ามันทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าการแจ้งเตือนที่หน้าปัดของรถยนต์อีกด้วย
แบตเตอรี่อัจฉริยะจาก Ohm มีความแตกต่างจากแบตเตอรี่แบบตะกั่วกรดทั่วไป ด้วยการใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียม ไอออน ฟอสเฟต (LiFePO4) และตัวเก็บประจุยิ่งยวด (Superconductor) ซึ่งตัวเก็บประจุยิ่งยวดจะจ่ายกระแสไฟได้ดีและรวดเร็วกว่าสำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์ซึ่งแบตเตอรี่ LiFePO4 จะยังคงชาร์จไฟให้กับ Superconductor ในขณะที่ดับเครื่องยนต์ เพื่อให้พร้อมจะจ่ายไฟสำหรับสตาร์ทเครื่องยนต์ในครั้งต่อไป
Ohm ยังได้กล่าวอีกว่า LiFePO4 และ Superconductor ทำให้แบตเตอรี่แบบใหม่นี้มีอายุการใช้งานถึง 7 ปี ซึ่งมากกว่าถึงสอง-สามเท่าเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ตะกั่วกรดปกติ ผู้ผลิตแจ้งว่าตัวแบตฯ ทนอุณหภูมิตั้งแต่ -30 ถึง 50 องศาเซลเซียส แบบสบาย ๆ (ไม่ว่าอากาศเป็นแบบไหนก็ทนได้นั้นเอง)
แบตเตอรี่อัจฉริยะของ Ohm ขนาด 10 แอมป์ มีน้ำหนัก 2.7 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งเบามากเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่กรดตะกั่ว ขนาด 35 แอมป์ ที่หนักถึง 15.9 กิโลกรัม และน้ำหนักที่หายไปนี้นอกจากจะทำให้รถมีน้ำหนักเบาขึ้นแล้วยังทำให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายเมื่อต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่อีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตามแบตเตอรี่ Ohm ขนาด 10 แอมป์ นั้นอาจไม่เพียงพอหากมีการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถขณะดับเครื่องยนต์ ซึ่งในกรณีนี้ทาง Ohm แนะนำว่าควรใช้ร่วมกับแบตเตอรี่ตะกั่วกรดปกติ
สำหรับแบตเตอรี่อัจฉริยะของ Ohm นั้นเป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากการเสนอไอเดียผ่านเว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์อย่าง Y Combinator จากนั้นได้เปลี่ยนมาเป็น Indiegogo เพื่อหาทุนเพิ่มจากผู้ที่สนใจให้การสนับสนุนสำหรับการทดสอบและออกแบบในขั้นตอนสุดท้ายรวมถึงใช้ซื้ออุปกรณ์เพื่อใช้ในการผลิต
โดยทาง Ohm ตั้งไว้ที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลา 23 วัน โดยในขณะนี้มีผู้สนใจและเข้ามาสนับสนุนเงินสำหรับโครงการนี้ถึงงบที่กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้ที่เข้ามาสนับสนุนกลุ่มแรก ๆ ยังได้รับสิทธิซื้อแบตเตอรี่ ขนาด 1 แอมป์ ในราคาพิเศษ เพียง 179 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 5,600 บาท (Early Bird Pledge) จำนวน 100 ราย ซึ่งตอนนี้หมดเกลี้ยงแล้ว
อย่างไรก็ตาม Ohm ได้ตั้งราคาจำหน่ายแบตเตอรี่ขนาด 10 แอมป์ ไว้ใน Indiegogo ที่ 1,699 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 53,000 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงกว่าแบตเตอรี่ตะกั่วกรดที่หาได้ทั่วไปหลายเท่าตัว
ณ เวลานี้ทาง Ohm ยืนยันว่ามันคุ้มค่าแน่นอน... แต่สำหรับลูกค้าแล้วลองตัดสินกันเอง แต่ว่ากันตามตรงนี้คือแบตเตอรี่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยียุคใหม่ที่มีราคาแพง คงไม่ต่างอะไรกับสมาร์ทโฟนยุคก่อน มีจอขาวดำราคาก็ยังถึง 2 หมื่นบาท ในอนาคตเชื่อว่า Ohm แบตเตอรี่อัจฉริยะ จะมีราคาที่ถูกลงครับ
ภาพจาก indiegogo
