วอลโว่ (Volvo) ค่ายรถยนต์หรูจากประเทศสวีเดนที่ขณะนี้กำลังทำการปฏิวัติทั้งด้านงานออกแบบและวิศวกรรมอย่างจริงจัง เปิดเผยถึงเรื่องราวที่น่าสนใจที่ช่วยให้พวกเขาลดต้นทุนได้อย่างยั่งยืน ด้วยการลดเวลาพัฒนารถยนต์ให้น้อยลงผ่านการใช้โครงสร้างตัวรถแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งตัวเลขเวลาที่ใช้นั้นนับว่าน่าสนใจทีเดียว
ปีเตอร์ เมอร์เทน หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาเผยว่า ขณะนี้วอลโว่สามารถพัฒนารถยนต์บนโครงสร้างรุ่นใหม่ที่วอลโว่คิดค้น ขึ้นโดยเฉพาะโครงสร้างสำหรับรถยนต์ขนาดคอมแพคที่มีชื่อว่า CMA ภายในเวลาไม่เกิน 20 เดือนต่อรุ่น จากเดิมที่เคยพัฒนารถยนต์ขนาดคอมแพคอย่าง วอลโว่วี40 (Volvo V40) เป็นเวลานานกว่า 42 เดือนซึ่งเวลาเพียง 20 เดือน นับว่าเร็วมากเมื่อเทียบกับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นอย่างโตโยต้า (Toyota) หรือมาสด้า (Mazda) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วในการพัฒนาซึ่งเฉลี่ยประมาณ 26 เดือนต่อรุ่น
ไม่เพียงแต่รถยนต์ขนาดเล็กเท่านั้น แต่รถยนต์ขนาดใหญ่บนโครงสร้าง SPA ก็สามารถทำตัวเลขเวลาดังกล่าวได้เช่นกัน แม้วอลโว่จะใช้เวลาพัฒนาครอสโอเวอร์เรือธงรุ่นใหม่ วอลโว่ เอ็กซ์ซี90 (Volvo XC90) ถึง 30 เดือน แต่หากมีรถรุ่นใหม่ พวกเขาก็สามารถทำลดเวลาให้เหลือไม่เกิน 20 เดือนต่อรุ่น ได้เช่นกัน
การย่นเวลาพัฒนารถยนต์ของวอลโว่ช่วยให้พวกเขาประหยัดค่าใช้จ่ายใน การพัฒนาแต่ละรุ่นลงได้มากทีเดียว ส่งผลให้สามารถแข่งขันด้านราคากับค่ายรถยนต์หรูอื่น ๆ ได้สบาย นอกจากนี้ โครงสร้างรถยนต์ของวอลโว่ยังถูกใช้ร่วมกับกีลี่ (Geely) ค่ายรถยนต์ต้นสังกัดจากประเทศจีน จึงทำให้เกิดความคุ้มค่ามากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ เมอร์เทนยังระบุว่าขณะนี้วอลโว่ได้ยุติการพัฒนาเทคโนโลยีที่หลงเหลืออยู่จากฟอร์ด (Ford) ทั้งหมดแล้ว หมายความว่าวอลโว่ได้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีด้านเครื่องยนต์และระบบส่ง กำลังของตัวเองใหม่ทั้งหมด โดยในอนาคตวอลโว่จะมีเครื่องยนต์อย่างน้อย 8 รุ่น และระบบส่งกำลังแบบใหม่ ๆ เป็นจำนวนมากให้เลือกใช้งานกัน
เรียกได้ว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่ของค่ายรถยนต์จากสวีเดนอย่างแท้จริงทีเดียว ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าแนวทางการพัฒนาของวอลโว่จะช่วยให้พวกเขากลับมาผงาดในวงการยานยนต์หรูเหมือนในอดีตได้หรือไม่ครับ
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก volvocars